ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ( ช่วงประมาณเดือน ก.ย.-พ.ย. ของทุกปี ) ใบไม้ส่วนใหญ่ จะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองส้มและสีแดง ก่อนที่จะร่วงหล่นไปจนหมด ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีไล่จากทางภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ของญี่ปุ่น ช่วงเวลาเปลี่ยนสีอาจคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไปในแต่ละปี ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและอุณหภูมิในปีนั้นๆ
อากาศ : ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นอุณหภูมิเริ่มเย็นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15-25 องศาเซลเซียส
1. บันไดอาซุมะ-สกายไลน์ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Bandai Azuma Skyline)
- บันไดอาซุมะ-สกายไลน์ เป็นชื่อถนนเส้นทางพิเศษที่ให้บริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขับรถชมใบไม้แดงเป็นอย่างยิ่ง สูงจากระดับน้ำทะเล 1500 ม. และมีความยาวทั้งสิ้น 29 กม. เชื่อมระหว่างแหล่งน้ำพุร้อนทากายุใน เมืองฟุกุชิมะกับเส้นทางขึ้นภูเขาทสึจิยุ มองลงมาจะเห็นป่าใบไม้แดงที่แสนงดงาม ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก
2. นิกโก้ ในภูมิภาคคันโต (Nikko)
- นิกโก้ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาลเจ้านิกโก้โทโชงุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่นิกโก้ มีจุดชมใบไม้แดงหลายแห่งในตัวเมืองมีต้นอิโจ(แปะก้วย) ขึ้นเรียงรายและตรงถนนขึ้นเขา และสถานที่ที่อยากแนะนำให้เดินทางไปชมคือ น้ำตกริวซุ ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบจูเซ็นจิโกะ “ริวซุ” มีความหมายว่า หัวมังกร เนื่องจากด้านหน้าของแอ่งน้ำตกมีหินก้อนใหญ่ขวางทางอยู่ ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาถึงจุดนั้นถูกแยกออกเป็นสองทาง ลักษณะคล้ายหัวมังกร เมื่อใบไม้บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก็จะทำให้มองเห็นเป็นหัวมังกรสีแดงด้วย
3. ทะเลสาบ คาวากุจิโกะ ในภูมิภาคชุบุ (Kawaguchi Lake)
- ทะเลสาบคาวากุจิโกะ นอกจากจะเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการชมภูเขาไฟฟูจิแล้ว ยังเป็นสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงมากอีกด้วย ภูเขาไฟฟูจิที่ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ตัดกับสีของใบไม้แดงนั้น เป็นภาพทิวทัศน์ที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ใบไม้แดงแถบนี้ต้นโมมิจิ (เมเปิ้ล) ในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงเต็มที่ จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบโมมิจิขึ้น ในละแวกใกล้เคียงยังมีสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อยู่มากมายหลายแห่ง และใกล้กับแหล่งน้ำพุร้อนฟูจิคาวางุจิโกะ อีกทั้งยังมีโรงแรมแบบญี่ปุ่นที่มีบ่อน้ำพุร้อนให้บริการอยู่มากมาย
4. โอบาระ ในภูมิภาคชุบุ (Obara)
- เชื่อหรือไม่ว่ามีดอกซากุระที่บานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วย? ซากุระพันธุ์นี้มีชื่อว่า Shikizakura หรือ ซากุระสี่ฤดู โดยมีความพิเศษที่แตกต่างจากซากุระทั่วๆไปคือจะบาน 2 ครั้ง ต่อปี ดอกShikizakura เริ่มบานในช่วงกลางเดือนมีนาคมในฤดูใบไม้ผลิและจะบานอีกครั้งตอนปลายเดือนพฤศจิกายนในฤดูใบไม้ร่วง สามารถชมซากุระที่ออกดอกพร้อมกับใบไม้แดงได้ที่ เมืองObara จังหวัดAichi ทางภาคกลางของญี่ปุ่น ซึ่งที่บริเวณนี้จะมีดอกShikizakura มากถึง 10,000 ต้น ใครที่พลาดชมดอกซากุระในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมายังสามารถมาดูดอกซากุระได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน
5. หุบเขาโครังเค ในภูมิภาคชุบุ (korankei)
- หุบเขาโครังเค เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปชมใบไม้เปลี่ยนสี อยู่ในจังหวัด Aichi ที่หมู่บ้าน Asuke เมืองToyota มีแม่น้ำ Tomoe เป็นแม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำ Yahagi อยู่ในพื้นที่ของอุทยานป่าไม้ ปัจจุบันที่นี่มีต้นคาเอะเดะ (ต้นเมเปิ้ล) จำนวนกว่า 4000 ต้น ต้นคาเอะเดะเหล่านี้เริ่มปลูกโดยเจ้าอาวาสของวัด Koshakuji มาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ ชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นเหลือง ส้ม แดง ทั้งในตอนกลางวันและการประดับไฟอย่างสวยงามมากในตอนกลางคืน
6. ภูเขาฮักโกะดะ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Hakkodasan)
- ภูเขาฮัคโกะดะคือหนึ่งในภูเขาไฟที่อยู่ทางทิศใต้ของเมือง อะโอโมริ(Aomori) และเป็นหนึ่งในร้อยภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีกระเช้าลอยฟ้าที่สามารถพาท่านขึ้นไปจนใกล้กับยอดเขา (ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,324 เมตร) และสามารถชมวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีจากบนกระเช้าลอยฟ้า เป็นทิวทัศน์ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงและสีเหลืองของใบไม้เปลี่ยนสี หากมีความสนใจจะเดินทางไปที่นี่ กรุณาตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางไป เนื่องจากกระเช้าจะไม่เปิดทำการในวันที่มีลมแรง
7. ถนนทางเดินสายนักปราชญ์ ในภูมิภาคคันไซ (Philosopher’s Path)
- ถนนทางเดินนักปราชญ์เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแห่งหนึ่งที่น่าสนใจในเมืองเกียวโต เป็นทางเดินเท้าเลียบคลองบิวาทอดยาวระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่าง Nyakuouji-bashi ถึงวัดเงิน ที่นี่มีชื่อเสียงด้านการชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ที่มาของชื่อ “ถนนสายนักปราชญ์” นี้ได้มาจาก ในอดีตมีนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียง ชื่อ Nishida Kitaro มักจะมาเดินสงบจิตใจเพื่อให้เกิดสมาธิ
8. วัดคิโยมิสึเดระ ในภูมิภาคคันไซ (Kiyomizu-dera Temple)
- วัดคิโยมิสึเดระ แปลเป็นภาษาไทยว่า “วัดน้ำใส” เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต และมีอายุเก่าแก่กว่าตัวเมืองเกียวโตอีกด้วย นักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางมาเพื่อสักการะและขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร ซึ่งเป็นพระประธานของวัด นอกจากนี้อาคารไม้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1994 จากองค์การยูเนสโกในฐานะส่วนหนึ่งของอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์เมืองเกียวโต และบริเวณระเบียงวัดเป็นจุดไฮไลต์สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมชมความงามของทิวทัศน์รอบเมืองเกียวโต
9. อนุสาวรีย์แห่งธรรมชาติ “โทโนะ เฮทสึริ” ในภูมิภาคคันโต (Tono-Hetsuri)
- ผาโทโน-เฮทซึริ เป็นหน้าผาหินที่ถูกธรรมชาติกัดเซาะในช่วงระยะเวลากว่าหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา จนมีรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับหอคอย เมื่อมองลงมาจากหอคอยหน้าผานี้ก็จะเห็นวิวของแม่น้ำโอกาวะ ดังความหมายของคำว่า “เฮทสึริ (Hetsuri)” ที่แปลว่า “ หน้าผาที่สามารถมองเห็นแม่น้ำ หรือ หน้าผาสูงชัน” ตามภาษาท้องถิ่นนั่นเอง ที่แห่งนี้เป็นจุดชมวิวทางธรรมชาติที่งดงามไม่ว่าจะอยู่ในฤดูกาลไหน สีสันที่เปลี่ยนไปทั้ง 4 ฤดูก็สร้างความอัศจรรย์ใจทุกครั้ง เป็นผลงานศิลปะจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
10. หมู่บ้านมรดกโลกชิราคะวะโกะ ในภูมิภาคคันไซ (Shirakawago)
11. วัดโทฟุคุจิ ในภูมิภาคคันไซ (Tofuku-ji Temple)
- เกียวโต เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งงดงามไปด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงสดในฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วัดโทฟุคุจิ (Tofuku-ji Temple) ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงามของใบเมเปิ้ลสีแดงสด อาคารวัดเก่าแก่ที่ตัดกับสีแดงสดใสของใบเมเปิ้ลนั้นสวยสะกดสายตาน่าประทับใจจนแทบจะร้องว้าวออกมาเลยทีเดียว
12. ทะเลสาบโทวาดะ ในภูมิภาค (Towada Lake)
- ทะเลสาบโทวาดะแห่งนี้เป็นทะเลสาบแบบ Caldera ชื่อCaldera นี้เป็นภาษาสเปน มีความหมายว่าหม้อ ใช้เรียกพื้นที่ตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูก ที่มีลักษณะยุบลงเป็นทรงคล้ายหม้อ ซึ่งเกิดจากแรงระเบิดของภูเขาไฟ ทะเลสาบโทวาดาโกะนั้นล้อมรอบไปด้วยภูเขา สามารถขึ้นเรือท่องเที่ยวเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบของทะเลสาบ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยใบไม้แดง สัญลักษณ์ของทะเลสาบโทวาดาโกะแห่งนี้ คือ รูปสลักสาวงาม(โอโตเมะ โนะโซ) ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด ในการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก บริเวณรอบๆ มีโรงแรม และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจะคึกคักมากเป็นพิเศษเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้แดง
13. เทือกเขาซาโอะ ในภูมิภาคโทโฮคุ (Zao)
14. สวนชินจุกุ เงียวเอ็น ในภูมิภาคคันไซ (Shinjuku Gyoen)
- สวน Shinjuku Gyoen มีความหมายในภาษาไทยว่าสวนอิมพีเรียล เนื่องจากว่าสวนแห่งนี้เคยเคยเป็นสวนของจักรพรรดิมาก่อน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และยังเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในย่านนี้ มีพื้นที่ถึง 144 เอเคอร์ และ ระยะทางรอบนอกสวนถึง 3.5 กิโลเมตร
15. ถนนแปะก๊วย ภูมิภาคคันโต (Ginkgo Avenue)
- ถนนต้นแปะก๊วย อิโช นามิกิ (Ginkgo Avenue) เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยม ตั้งอยู่ถัดจากสวนเมจิ จินกุ ไกเอน(Meiji Jingu Gaien Park) ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือทองอร่ามเป็นจุดที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เพราะเป็นสถานที่ในโตเกียวที่ผู้คนสามารถมาเดินเล่นกันเพื่อชื่นชมความงามของทิวแถวต้นแปะก๊วยหรือต้นกิงโกะซึ่งมีเอกลักษณ์ที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือทองในช่วงเดือนพฤศจิกายน เรียงรายเป็นแนวยาวว่า 300 เมตร ใต้ต้นไม้ก็เต็มไปด้วยใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ
Cr. www.Jnto.or.jp